CLT คืออะไร รู้จักเทคนิคสอนภาษาแบบเนียนๆ ใช้ได้ทุกสถานการณ์
รู้จักเทคนิคการสอนภาษาอังกฤษ CLT การสอนภาษา เพื่อการสื่อสารให้ลูกชินแบบแนบเนียน พร้อมหยิบใช้ได้ทุกสถานการณ์ เทคนิคที่จะช่วยให้ลูกมีความมั่นใจที่จะสื่อสารในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น เริ่มต้นได้ง่าย ๆ แค่ฝึกทักษะการฟังและการสื่อสาร ก็สามารถใช้ภาษาได้อย่างคล่องแคล่วและถูกต้องเหมือนมือโปร
การสอน CLT คืออะไร
CLT Method คือ วิธีการสอนภาษาที่เน้นพัฒนาให้ผู้เรียนสามารถสื่อสารได้ในสถานการณ์จริง โดย CLT ย่อมาจาก Communicative Language Teaching ซึ่งเป็นทฤษฎีที่พัฒนาการเรียนรู้และการสอนทางภาษาต่างประเทศในช่วงยุคสมัย 1960 – 2020 และเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมและตอบโจทย์การเรียนการสอนมาจนถึงปัจจุบัน
ทำไมการสอนภาษาแบบ CLT ถึงได้รับความนิยม
CLT คือ แนวทางการสอนภาษาที่เน้นการปฏิบัติจริง เพื่อให้เด็ก ๆ สามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจ โดยมี 5 หลักการสำคัญ ดังต่อไปนี้
- ภาษาไม่ได้มีแค่เรื่องไวยากรณ์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการสื่อสารความคิดและทำความเข้าใจ
- CLT เป็นเทคนิคที่เน้นพัฒนาทักษะการฟังและการสื่อสาร โดยมีเด็ก ๆ เป็นศูนย์กลางในบรรยากาศการเรียนที่เป็นกันเอง เพื่อให้เด็ก ๆ ผ่อนคลาย กล้าที่จะใช้ภาษา กระตุ้นการเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน
- เด็ก ๆ สามารถเคลื่อนไหวและมีส่วนร่วมในการเรียนการสอนได้มากกว่าการนั่งเรียนบนเก้าอี้ทั้งคาบตามวิธีการสอนแบบเดิม ๆ
- เน้นการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารในกลุ่มเด็ก ๆ มากกว่าสื่อสารกับผู้สอน
- ไม่เน้นไวยากรณ์ในการเรียนการสอน แต่จะใช้ทักษะการฟัง การสังเกต และการคาดเดา เพื่อให้เด็ก ๆ เข้าใจบริบทและเรียนรู้ภาษาตามธรรมชาติของมนุษย์
การสอนภาษาอังกฤษ CLT ช่วยให้เด็ก ๆ เข้าใจการใช้คำศัพท์ และการสื่อสาร ผ่านการฟัง การสังเกต และการคาดเดาความหมายของบริบทนั้น ๆ ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนซึมซับ เข้าใจไวยากรณ์ และสามารถนำภาษาไปใช้งานในชีวิตจริงได้อย่างคล่องแคล่วมากกว่าการเรียนการสอนรูปแบบเดิม ๆ ทั้งทักษะการฟัง และการพูด
5 เทคนิคสอนภาษาอังกฤษด้วยเทคนิค CLT แบบง่ายๆ
1. วอร์มอัพ ก่อนเข้าสู่บทเรียน
เพื่อกระตุ้นให้เด็ก ๆ มีความพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ผู้สอนควรจัดกิจกรรม หรือวอร์มอัพด้วยคำถามที่เชื่อมโยงเข้าหาเนื้อหา เช่น การเล่นบทบาทสมมติ ทายศัพท์ ฯลฯ การวอร์มอัพนอกจากจะช่วยดึงดูดความสนใจจากเด็ก ๆ ได้แล้ว ยังช่วยให้เด็ก ๆ ได้ทบทวนความรู้ที่เรียนมาแล้วด้วย
2. กระตุ้นการใช้ภาษาผ่านกิจกรรมต่าง ๆ
การกระตุ้นให้เด็ก ๆ ได้ใช้ภาษาผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การเล่นเกมภาษาอังกฤษ การทำชิ้นงาน การทำแบบฝึก การนำเสนอผลงานจะช่วยกระตุ้นให้เด็ก ๆ ใช้ภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยในขั้นตอนนี้ เด็ก ๆ จะเป็นผู้ทำกิจกรรม โดยมีผู้สอนซัพพอร์ทอยู่ห่าง ๆ ถ้าเด็ก ๆ ใช้คำหรือไวยากรณ์ผิดพลาด อย่าเพิ่งขัด เพื่อให้เด็ก ๆ สบายใจที่สื่อสารออกมา โดยไม่ต้องกังวลว่าจะสื่อสารผิดพลาด
3. อัปเดตข้อผิดพลาดในการใช้ภาษา
การฝึกในขั้นตอนนี้ จะเน้นการใช้ภาษาให้คล่องมากยิ่งขึ้น โดยผู้สอนอาจจะจัดการฝึกในรูปแบบกลุ่ม แบบคู่ หรือรายบุคคลก็ได้ หลังจากฝึกเสร็จผู้สอนถึงจะอัปเดตและแก้ไขข้อผิดพลาดในการใช้ภาษา เพื่อเปิดโอกาสเด็ก ๆ ได้ใช้ภาษาอย่างอิสระ
4. เติมคลังความรู้ใหม่ ๆ โดยเน้นความถูกต้องเป็นหลัก
เมื่อเด็ก ๆ ได้รับรู้ข้อผิดพลาดแล้ว ในขั้นตอนนี้ผู้สอนจะให้ข้อมูลใหม่ ๆ กับเด็ก ๆ เช่น คำศัพท์ ไวยากรณ์ หรืออื่น ๆ ให้เด็ก ๆ เข้าใจทั้งบริบท ความหมาย และการออกเสียงที่ถูกต้อง
5. สรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้และข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
และขั้นตอนสุดท้ายเป็นการสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ในแต่ละชั่วโมง ซึ่งอาจจะทำผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การทำแบบฝึกหัด หรือการเล่นเกม เพื่อทดสอบสิ่งที่เรียนมาแล้ว เป็นต้น
ข้อดีของการสอนภาษาแบบ CLT มีอะไรบ้าง
- มีกิจกรรมหลากหลาย ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ และทำให้เด็ก ๆ รู้สึกว่าการเรียนไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป
- เป็นรูปแบบการสอนที่มียืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์
- ช่วยให้เด็ก ๆ เข้าใจภาษาในบริบทต่าง ๆ และได้ทดลองใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ
- เด็ก ๆ สามารถนำทักษะที่ได้เรียนรู้ไปปรับใช้จริงในชีวิตประจำวัน
- เพิ่มความมั่นใจในการใช้ภาษาให้กับเด็ก ๆ
- Line : Kru Yaya English
- FB : Kru Yaya สอนเทคนิคเลี้ยงลูก 2 ภาษา
- Tiktok : Kru Yaya สอนเลี้ยงลูก 2 ภาษา