เลี้ยงลูกให้ฉลาด (Smart kid) ทั้ง IQ และ EQ
พัฒนาการของเด็กบ่งบอกได้ถึง ความรักความอบอุ่น ที่ได้จากการเลี้ยงดูของครอบครัว
พ่อ แม่ ผู้ปกครองเป็นด่านแรกแห่งการเรียนรู้ ตั้งแต่ในครรภ์พัฒนาการของลูกน้อยได้รับจากแม่ หลังคลอด เด็กจะซึมซับพฤติกรรมจากคนในครอบครัว ดังนั้น จึงไม่แปลกเลยหากเรามีอารมณ์ การกระทำ พฤติกรรมอย่างไรเด็กก็มักจะเป็นอย่างนั้น ทำให้ในหลายครอบครัว ต้องการเลี้ยงลูกให้ฉลาด ป้องกันการเกิดพฤติกรรมบางอย่าง การเลี้ยงลูกให้ฉลาดทั้งอารมณ์และพัฒนาการ จึงเป็นสิ่งที่ครอบครัวยุคใหม่ใส่ใจเป็นพิเศษ
เด็กที่ฉลาดตามช่วงวัย เรียกได้ว่า มักเติบโตมาพร้อมกับพัฒนาการด้านอารมณ์และทักษะ ควบคู่กันไป เด็กจะซึมซับและเรียนรู้พฤติกรรมจากคนรอบตัว ทั้งคนในครอบครัว เพื่อน ท่าทางการเคลื่อนไหวต่างๆ ที่ถูกเลียนแบบออกมา เช่น การพูด การเดิน การแสดงอารมณ์
พัฒนาการที่ช่วยให้เด็กๆ สามารถใช้ชีวิตในปัจจุบันได้ เช่น
- การเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อมัดเล็กๆ แข็งแรงขึ้น สามารถหยิบ จับ สัมผัสสิ่งของได้ การวิ่ง การเดิน การทำกิจกรรมต่างๆ
- พัฒนาการด้านการเรียนรู้ ความเข้าใจ การสื่อสาร เช่น การเข้าใจความหมายของศัพท์ รูปประโยคในการสื่อสาร โดยในครอบครัวที่สอนให้ลูกเก่งสองภาษา เด็กๆ ก็จะสามารถเรียนรู้และเข้าใจพื้นฐานความหมายของศัพท์และถูกนำมาใช้ในการสื่อสารได้
- พัฒนาการด้านการช่วยเหลือ การมีน้ำใจต่อคนรอบข้าง การอยู่ร่วมกัน เช่น การกล่าวคำขอโทษ ความรับผิดชอบ
พัฒนาการของเด็กแบ่งได้ตามช่วงวัย ดังนี้
ทารกแรกเกิด : newborn – 1 เดือนแรก
ช่วงวัยที่ซับซับการเรียนรู้จากพ่อแม่ การเคลื่อนไหวร่างกาย การตอบสนองต่อสิ่งเร้า เช่น เสียง สัมผัสวัตถุ การเคลื่อนไหวร่างกาย ยกหัว ยกเท้า และยังเป็นช่วงแรกที่เด็ก เริ่มจดจำใบหน้าของคนในครอบครัว เรียนรู้การยิ้ม ร้องไห้ อันเป็นการแสดงออกถึงความต้องการบางอย่าง การได้ยิน จดจำเสียงของคนในครอบครัวโดยเฉพาะคุณพ่อ คุณแม่
วัยเด็กทารก : infant (1-12 เดือน)
พัฒนาการในการเคลื่อนไหว เช่น ตั้งศีรษะ การตั้งไข่ การคลาน การกลิ้ง การยืน การจดจำใบหน้าของคนในครอบครัว การรับรู้ชื่อ ในวัยนี้เด็กๆ จะเริ่มหยิบจับสิ่งของได้บ้าง เช่น ของเล่นน้ำหนักเบา ผ้า ฯลฯ ในพัฒนาการด้านอารมณ์ เด็กเริ่มจดจำสัมผัสแรกของพ่อแม่ ความไว้ใจต่างๆ ที่ได้รับจากความอบอุ่นในอ้อมกอดของคนในครอบครัว
วัยเตาะแตะ : toddler (1-3 ขวบ)
วัยนี้ เด็กๆ จะเริ่มตอบสนองอย่างรวดเร็ว เริ่มเรียนรู้พัฒนาการด้านร่างกายและสมอง เช่น การเคลื่อนไหว การปีน การหยิบจับของเล่น การกระโดด การเต้น การจับอุปกรณ์อาหาร การขีดเขียนผลงานศิลปะ ฯลฯ ได้อย่างซับซ้อนมากขึ้น จึงเรียกว่า วัยเตาะแตะนี้ เป็นช่วงเวลาอันดีที่ผู้ปกครอง สามารถเริ่มฝึกพัฒนาการสมอง ส่งเสริมการเรียนรู้ การจดจำของเด็กๆ ได้ การใช้ flash card ในการแทรกซึมทักษะด้านภาษาอังกฤษ ให้หัดพูดและจดจำคำทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษในช่วงวัยนี้ นับเป็นช่วงเวลาที่ดีเลยทีเดียว
เด็กก่อนวัยเรียน : preschool child (3-5 ปี)
ช่วงวัยที่เด็กๆ เรียนรู้การควบคุมอารมณ์ จินตนาการและทักษะทางร่างกาย เช่น เรียนรู้การปั่นจักรยาน การกีฬา การเล่นซนตามวัย ทักษะในการพูดเป็นประโยค เล่าเรื่องราวต่างๆ ที่ได้ยินมา รวมทั้ง เป็นช่วงวัยที่มีคำถามมากมาย จึงนับว่า ช่วงเวลานี้ เหมาะกับการสอดแทรกทักษะด้านการสนทนาภาษาอังกฤษในรูปแบบประโยคในสถานการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี เด็กๆ จะให้ความสนใจและนำไปใช้ในการพบปะกับเพื่อนและคนรอบข้าง
เด็กวัยเรียน : studying age (5-12 ปี)
ช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ทักษะการใช้ชีวิตอย่างเต็มรูปแบบ ในช่วงนี้เด็กจะจดจำทุกอย่างที่ได้สัมผัส พบเจอประสบการณ์มากมาย และยังเป็นช่วงเวลาที่ฉายแววความสนใจ ความถนัดของเด็กออกมา หากผู้ปกครองสังเกตให้ดีจะพบได้ตั้งแต่ในช่วงวัยนี้เลยว่า อะไรที่ควรส่งเสริมให้พวกเขาได้เรียนรู้เพิ่มเติมมากขึ้น เช่น สนใจดนตรี สนใจการเต้น สนใจศิลปะ เมื่อผู้ปกครองส่งเสริมพวกเขาในช่วงนี้ เขาจะยิ่งรู้สึกภูมิใจในตัวเองและมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น และพร้อมเปิดรับคำแนะนำ การเรียนรู้เพิ่มเติม เมื่อส่งเสริมการเรียนรู้ที่พวกเขาสนใจแล้วอย่าลืมสอดแทรกรูปประโยคการใช้ชีวิตประจำวันที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่พวกเขาสนใจในการสนทนาไปด้วยเลย
การเลี้ยงลูกให้ฉลาดทั้งอารมณ์และพัฒนาการ ผู้ปกครองควรเข้าใจช่วงวัยแห่งการเรียนรู้ของเด็ก เพื่อที่จะได้สอดแทรกทักษะต่างๆ รวมทั้งการเลี้ยงลูกแบบสองภาษาให้เข้าใจได้ง่ายและสามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน
เทคนิคดีๆ ในการเลี้ยงลูกให้เก่งสองภาษา
- Line : Kru Yaya English
- FB : Kru Yaya สอนเทคนิคเลี้ยงลูก 2 ภาษา
- Tiktok : Kru Yaya สอนเลี้ยงลูก 2 ภาษา